เทคโนโลยีการสำรวจ

1.Transverse Profile Logger

เป็นการประเมินค่าโปรไฟล์ตามขวาง

  • ใช้เซนเซอร์อัลตราโซนิคคุณภาพสูง 17 ตัว และเลเซอร์ 4 ด้าน จึงให้จุดสัมผัสที่สูงเพื่อให้โปรไฟล์ตามขวางที่มีคุณภาพสูง เป็นหนึ่งวิธีที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุดของการรวบรวมข้อมูลความลึกร่องล้อที่มีอยู่ในปัจจุบัน
  • ผลที่ได้คือ IRI/MPD/Rutting

(ผลที่ได้จาก IRI/MPD)

(ผลที่ได้จาก Rutting)

2.ROMDAS/Hawkeye

      ใช้ในการประเมินค่าดัชนีความขรุขระสากล (International Roughness Index : IRI) เป็นเลเซอร์ Class I และเป็นไปตาม ASTM-E950 โดยใช้การผสมผสานระหว่างเลเซอร์และการวัดความสูงของถนน โปรไฟล์จะถูกวิเคราะห์เพื่อคำนวณค่าดัชนีความขรุขระสากล (IRI) เครื่องมือเป็นระบบพกพา สามารถใช้สำหรับสำรวจการก่อสร้างโครงข่ายทางหลวงขนาดใหญ่ โดยข้อมูลที่ได้มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบทำให้สามารถปรับแต่งเป็นแบบเดี่ยวหรือเลเซอร์แบบคู่

คุณสมบัติพื้นฐาน

  • อัตราการสแกน 70 kHz
  • เลเซอร์ Class 1
  • การเชื่อมต่อ Ethernet
  • ความละเอียด 01% สำหรับเต็มสเกล
  • ความละเอียด IRI +/-0.01 ม./กม.
  • รองรับ IP65 (MEMA4)
  • แสดงผลเป็นค่าดัชนีความขรุขระสากล (International Roughness Index : IRI)
  • แสดงผลในไฟล์นามสกุล MS Access ,MDB(แปลงเป็น Excel ได้) ,ERD files
  • มีมาตราฐาน ASTM E 950

3.MMS (Mobile Mapping System)

    เป็นการใช้เทคโนโลยีการสำรวจที่มีความละเอียดสูง ความคลาดเคลื่อนต่ำโดยใช้เครื่องมือที่มีความทันสมัย การสำรวจการใช้ประโยชน์ที่ดินด้วยระบบทำแผนที่ชนิดเคลื่อนที่ได้บนรถยนต์ (MMS) และภาพถ่ายมุมกว้าง (Panorama Image) เป็นระบบการทำแผนที่ที่อาศัยการติดตั้งเครื่องมือวัดบนพาหนะที่มีการเคลื่อนที่ มีการทำงานแบบการรังวัดวัตถุด้วยภาพถ่ายระยะใกล

1. Revolutionary Technology of GIS Based Data
2. Complex Integration of High-End Hardware and Software
3. Advantages   Rapid, Wide-range, Accurate and Multi-Purpose
4. Different Platform   Airborne / Land-Based / Marine-Based
5. Different Sensor Systems   Camera / LiDar / Radar / Sonar

การประยุกต์ใช้ระบบ MMS เพื่อประโยชน์ด้านงานทาง อาทิ

  • งานสำรวจเพื่อทำแผนที่โครงข่ายทางหลวงทั่วประเทศ
  • งานสำรวจข้อมูลสภาพทาง/โครงสร้างพื้นฐาน/กายภาพ
  • งานบริหารจัดการข้อมูลด้านความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
  • งานบริหารจัดการข้อมูลทรัพย์สินด้านงานทาง

เทคโนโลยีการสำรวจข้อมูลด้วยระบบแผนที่แบบเคลื่อนที่ได้ด้านงานทาง 

อาทิ งานสำรวจรังวัดแผนที่แบบเคลื่อนที่ สามารถสำรวจรังวัดได้อย่างรวดเร็ว และลดต้นทุนและเวลาในการเก็บข้อมูลด้านงานทาง 

  • GPS/GNSS Mapping ใช้เทคโนโลยีรังวัดด้วยดาวเทียมสมัยใหม่ และสามารถระบุตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว 
  • ROW Map Development สามารถสำรวจข้อมูลสภาพแวดล้อมโดยง่าย อีกทั้งมีความถูกต้องและแม่นยำ ความคลาดเคลื่อนอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด 
  • Environment Process สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่ที่ได้จากการสำรวจ MMS และนำข้อมูลมาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลทางกายภาพอื่นๆ โดยใช้ GIS
  • Road Inventory โดยจัดทำข้อมูลโครงข่ายทางหลวงที่ให้ความละเอียดสูง สามารถบริหารจัดการข้อมูลรายละเอียดทางโครงสร้างพื้นฐานได้ชัดเจน  และเป็นรูปแบบมาตรฐานสากลในการจัดการข้อมูลด้านงานทาง

4.Laser Point Cloud

        เป็นเทคโนโลยีระบบการเก็บข้อมูลเชิงตำแหน่งด้วยเลเซอร์ที่ติดตั้งบนรถยนต์ใช้สำรวจข้อมูลพิกัด 3 มิติข้อมูลที่เก็บได้จะเป็นลักษณะ Real Time สามารถเก็บภาพบริเวณโดยรอบเขตทางและถนนอย่างต่อเนื่องโดยใช้เลเซอร์ 3 มิติ และกล้องดิจิตอลสำรวจในการรังวัดทั้งขนาด และการเปลี่ยนแปลงระดับความสูงผิวทางเพื่อประสิทธิภาพในการจัดการควบคุมดูแลถนน สามารถนำไปประยุกต์ เพื่อวิเคราะห์และจัดทำข้อมูล โครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูลทรัพย์สินด้านงานทาง การประเมินความปลอดภัยของผู้ใช้ทาง อีกทั้งยังสนับสนุนการยืดอายุการใช้งานและความเหมาะสมของ Life cycle cost โครงสร้างพื้นฐานในสังคมอีกด้วย

5.Laser Scanner

คุณสมบัติ :

  • มีระยะการ scan ด้วยอุปกรณ์ Laser ได้ไกลสูงสุดถึง 250 เมตร
  • มีความคลาดเคลื่อนของตำแหน่งทางราบไม่เกิน 1 เซนติเมตรที่ระยะการตรวจวัด 50 เมตร
  • มีความหนาแน่นของจุด Laser ในการตรวจวัดที่ 72,000 จุดต่อวินาที ทำงานที่ 36x2 kHZ.
  • มีอุปกรณ์นำหน (IMU) เพื่อชดเชยค่าพิกัดตำแหน่งในกรณีที่เกิดจากการอับสัญญาณ
  • กล้องถ่ายภาพมีความละเอียดสูงสุดที่ 30 ล้านเมกะพิกเซล ครอบคลุมพื้นที่ 90% แบบทรงกลม

6.RETROREFLECTOMETER

ใช้สำหรับประเมินผลสีเส้นจราจรได้โดยไม่ต้องทำการปิดการจราจร และไม่จำเป็นต้องดัดแปลงยานพาหนะเพื่อใช้ในการใช้งาน

คุณสมบัติ :

  • ใช้เลเซอร์ไดโอด – ไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษา
  • นับสิ่งสะท้อนแสง (หมุดถนน)
  • วัดแบบเส้นคู่โดยแยกค่า RL ของแต่ละเส้น
  • วัดความต่างระหว่างผิวทางและเส้นจราจร
  • วัดและบันทึกความกว้างของเส้นจราจร
  • สามารถวัดกลางคืน
  • ทำงานด้วย Wi-Fi และไม่มีซอฟต์แวร์หรือแอฟในการติดตั้ง
  • เลเซอร์สามารถสแกนได้มากกว่า 400 ครั้ง/วินาที
  • มีระบบกำหนดแหน่งอัตโนมัติสำหรับการวัดอย่างต่อเนื่อง
  • บันทึกวีดีโอระดับ HD
  • ข้อมูลถูกเก็บที่แฟลชไดรฟ์ แบบถอดได้ ไม่ต้องเสียเวลาดาวน์โหลด เพียงใช้แฟลชไดรฟ์เสียบเข้ากับแล็ปท็อป
  • การสอบเทียบที่ง่ายและรวดเร็ว
  • มีมาตราฐาน ASTM E 1710 และ EN 1436

7.Laser Crack Measurement System

      เป็นระบบวัดรอยแตกใช้เครื่องฉายเลเซอร์และตัวเลือกขั้นสูงเพื่อสร้างภาพสามมิติที่มีความละเอียดสูง โดยเครื่องมือรองรับความกว้างถึง 4 ม.ของเลนการจราจร สามารถทำงานได้บนความเร็วการจราจรปกติ สามารถทำงานได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน

คุณสมบัติ :

  • แสดงผลความเสียหายของผิวทางและวิเคราะห์
  • แสดงผลความลึกร่องล้อ ความกว้างและพื้นที่สำหรับแต่ละล้อ
  • แสดงผลความลึกโปรไฟล์เฉลี่ย (MPD)
  • แสดงผลข้อมูลปรับแก้
  • แสดงผลค่าดัชนีความขรุขระสากล (IRI)
  • แสดงผลภูมิประเทศ (ทางชัน ,ความกว้างของโค้ง)
  • ความเร็วในการสำรวจสามารถใช้ได้ถึง 100 กม./ชม.
  • อัตราการสแกน 5600 Hz
  • ความแม่นยำความลึก +/- 5 มม.
  • จำนวนจุดตามขวาง 4 ม. (4160จุด/แนวขวาง)
  • นำข้อมูลออกในไฟล์นามสกุล (MS Access ,JPEGไฟล์ภาพพร้อมความเสียหายบนผิวทาง)
  • รองรับ IP-65 (NEMA 4)
  • มาตราฐานรองรับ ASTM E950, ASTM E965, ASTM E1703, ASTM E1845, ASTM D5340, ASTM D6433

8.Bridge Wight In-motion (B-WIM)

     ระบบตรวจวัดน้ำหนักจากการเปลี่ยนแปลง ค่าผลตอบสนอง โดยติดตั้งมาตรวัดความเครียด (strain gauge) ไว้ใต้สะพาน แล้วนำค่าความเครียด ไปวิเคราะห์หาน้ำหนักเพลาของรถบรรทุก

     ระบบ B-WIM จึงต้องติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับเพลา (axle detector) บนผิวทาง ซึ่งอาจเป็นแบบท่อวัดความดันลม (pressure tube) หรือแบบเทปสวิทช์ (tape switch) ซึ่งสัญญาณจากอุปกรณ์ตรวจจับเพลานี้จะใช้ในการคํานวณหาความเร็ว ระยะห่างเพลา และจํานวนเพลา ของรถบรรทุก ก่อนที่จะคํานวณหานํ้าหนักเพลาและน้ำหนัก รวมเป็นลําดับสุดท้าย

     Bridge weigh in motion (B-WIM) uses accurate sensing systems to transform an existing bridge into a mechanism to determine actual traffic loading. This information on traffic loading can enable efficient and economical management of transport networks and is becoming a valuable tool for bridge safety assessment. B-WIM can provide site-specific traffic loading on deteriorating bridges, which can be used to determine if the reduced capacity is still sufficient to allow the structure to remain operational and minimise unnecessary replacement or rehabilitation costs and prevent disruption to traffic.

9.Li-DAR (Light Detection and Ranging)

      เป็นเทคโนโลยีการสํารวจ งานภูมิประเทศแบบใหม่ เป็นการวัดระยะจากระยะเวลาในการเดินทางของลําแสงเลเซอร์ ที่เดินทางจาก Sensor ไปยังวัตถุเป้าหมาย และเดินทางกลับมายัง Sensor สําหรับระบบ Lidar ในงานสําหรับภูมิประเทศนั้น เป้าหมายก็คือพื้นผิวภูมิประเทศนั่นเอง

      ข้อมูล LIDAR คือ ข้อมูลความสูงที่ได้จากการวัดระยะจากสื่อเช่น LASER ทําให้ระยะที่รังวัดได้มีความละเอียดสูง ก่อให้เกิดจุดข้อมูลความสูงของภูมิประเทศจํานวนมหาศาล การใช้งานต้องนําข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผล เพื่อให้เกิดเป็นโครงสร้างภูมิประเทศในลักษณะ TIN หรือ DEM

      ข้อมูลดิบที่ได้ LIDAR จะเป็นข้อมูลที่เป็นลักษณะ DSM หรือ Digital Surface Model คือ ความ สูงที่ได้จะเป็นที่รวมสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งที่ปกคลุมผิวโลก เช่น ต้นไม้ ตึกอาคาร และพืชพรรณไปด้วย การนํา ข้อมูล LIDAR มาทําให้กลายเป็นข้อมูลความสูงภูมิประเทศบนพื้นผิวที่ปรําศจํากสิ่งปกคลุม (Bare Ground)

      การทำงานของ LIDAR จะเหมือนกับเรดาร์ แต่มีความละเอียดสูงกว่า เพราะใช้วิธียิงแสงเลเซอร์ออกไปแล้ววัดการสะท้อนกลับมาว่าวัตถุนั่นอยู่ไกลแค่ไหน เพื่อนำข้อมูลไปสร้างโมเดล 3 มิติของสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ

10.ROSY IRI/Distress


28 พฤษภาคม 2564

ผู้ชม 1350 ครั้ง

Engine by shopup.com